แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปล่อยให้มันไปถึงช่วงท้ายเกม ที่จริงแล้วคือช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่เป็นชัยชนะที่น่าพึงพอใจสุดๆ หลังจากการขับเขี้ยวกันอย่างสูสีของคู่แค้นตลอดกาลในศึกแดงเดือดพบกับลิเวอร์พูล ด้วยประตูชัยจากการโหม่งของริโอ เฟอร์ดินานด์
มันคงจะไม่ใช่เกมที่คลาสสิกนัก แต่การเอาชนะลิเวอร์พูล เป็นความภาคภูมิใจเสมอ ดังนั้นชัยชนะจึงไม่จำเป็นต้องสวยหรูแต่อย่างใด
แฟนบอลของลิเวอร์พูล มาถึงสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยชูป้ายหมายเลข ‘5’ กวัดแกว่งไปมา ซึ่งหมายถึงการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ มาครองของพวกเขาและยังร้องเพลงเยาะเย้ยว่า “พวกนายไปอยู่ที่ไหนในกรุงอิสตันบูล?”
แม้ว่าเพลงอาจจะไม่ได้ใจความมากนัก แต่ความสำเร็จในยุโรปของพวกเขาชี้ให้เห็นถึงการฟื้นคืนมาอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมชาวสเปน การที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้อยู่ในช่วงสุดยอดในหลายฤดูกาลหลังมานี้หมายความว่าทั้ง 2 ทีมมีความใกล้เคียงกันในด้านคุณภาพมากขึ้น
ชัยชนะในนัดนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี 4 คะแนนมากกว่าลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นผู้ท้าชิงสำคัญในการแย่งชิงตำแหน่งรองจ่าฝูงตามหลังเชลซี แม้ว่าสโมสรแห่งแอนฟิลด์ จะมีเกมในมืออีก 2 นัดก็ตาม
ลิเวอร์พูล มาถึงสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยมีสถิติแพ้เพียงนัดเดียวในเกมเยือนในฤดูกาลนี้ แม้ว่าพวกเขาจะทำประตูได้ไม่มากนักแต่มีเกมรับที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามแผงกองกลางของพวกเขามีความสามารถที่สุด ถือเป็นสาเหตุที่น่ากังวลสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งยอมรับอย่างเปิดเผยแล้วว่าจำเป็นต้องมีการเสริมทัพในจุดดังกล่าว
การที่ในนัดนี้ไม่มีปาร์ค จีซุง และพอล สโคลส์ ที่ได้รับบาดเจ็บ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ติดโทษห้ามแข่ง ทำให้เซอร์ อเล็กซ์ จำเป็นต้องจัดตำแหน่งแผงกองกลางให้ดีเพื่อที่จะไปจัดการกับอลอนโซ่, เจอร์ราร์ด และซิสโซโก้
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ และคีแรน ริชาร์ดสัน ลงเล่นเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาและฝั่งซ้าย โดยไรอัน กิ๊กส์ และจอห์น โอเชีย ทำหน้าที่ตรงกลาง และเพื่อให้แน่นขึ้น เวย์น รูนี่ย์ ลงมายืนต่ำในตำแหน่งถนัดของเขาอยู่ระหว่างกองกลางและกองหน้า
ไม่มีทีมใดครองเกมเอาไว้ได้หมดในช่วง 10 นาทีแรก แต่ลิเวอร์พูล ได้จังหวะยิงเป็นครั้งแรก สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งเข้าหาบอลแต่ลูกยิงระยะ 25 หลาของเขาพุ่งออกนอกกรอบไป
รูนี่ย์ สร้างสรรรคโอกาสแรกให้กับปิศาจแดง ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา เขาได้บอลที่ด้านขวาของวงกลมกลางสนามแล้วลากบอลขึ้นไปถึงมุมกรอบ 18 หลา ก่อนที่จะเปิดบอลกลับมาให้กิ๊กส์ ได้วอลเล่ย์ อย่างไรก็ตาม แผงกองหลังของลิเวอร์พูล วิ่งเข้ามาปิดมุมปีกพ่อมด อย่างรวดเร็วและหยุดความพยายามของเขาเอาไว้ได้
รูนี่ย์ เกิดมาเพื่อโอกาสแบบนี้อย่างแท้จริง เขาเต็มไปด้วยความปรารถนาแรงกล้า, ความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม และความสามารถเหลือล้นไปทั่วทุกพื้นที่ในเกม เขาวิ่งอย่างเต็มที่กลับไปป้องกันไม่ให้จอห์น อาร์เน่ รีเซ่ พาบอลไปถึงเส้นหลัง และอีก 2 นาทีถัดมา เขาก็รับบอลในแดนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกระชากผ่านนักเตะลิเวอร์พูล 4 คนไปถึงกรอบเขตโทษ เขาพยายามไหลบอลไปให้เฟล็ตเชอร์ ทางฝั่งขวา แต่ถูกหยุดเอาไว้ได้โดยนักเตะเสื้อสีขาวคนที่ 5
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของการที่รูนี่ย์ จอมพลังวิ่งพล่านไปทั่วสนามก็คือ เขาควรจะอยู่ในพื้นที่ของเขาซึ่งเขาสามารถมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของเกมได้อย่างแท้จริง บ่อยครั้งที่เขาถอยลงไปลึกเพื่อช่วยแผงกองกลางของปิศาจแดง ในกรณีนั้นการขาดนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บางครั้งก็เป็นการหันเหความสนใจของกองหน้าจอมพลังรายนี้ในการขึ้นไปเล่นในแดนหน้า
เจอร์ราร์ด น่าจะได้รับใบเหลืองจากการไปทำฟาวล์ใส่กองหน้าวัย 20 ปีของปิศาจแดง ในช่วงกึ่งกลางของ 45 นาทีแรก หลังจากถูกรูนี่ย์ ตัดบอลได้ เจอร์ราร์ด ตามเข้าไปสอยเข้าที่ขาของดาวยิงทีมชาติอังกฤษ กัปตันทีมลิเวอร์พูล น่าจะถูกจดชื่อในสมุดของไมค์ ไรลี่ย์ เป็นคนที่ 3 หลังจากริชาร์ดสัน และซิสโซโก้ ได้รับใบเหลืองไปคนละใบก่อนหน้านี้จากการมีเรื่องโต้เถียงกันหลังจากการเข้าสกัดอย่างหนักหน่วงของดาวรุ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล กล่าวไว้ก่อนเกมว่าผู้ชนะในเกมนี้น่าจะคว้าตำแหน่งรองจ่าฝูงของพรีเมียร์ชิพเอาไว้ได้ นั่นน่าจะอธิบายได้เป็นอย่างดีว่าเพราะเหตุใดจึงไม่มีทีมใดครองเกมเอาไว้ได้หมดเพียงฝ่ายเดียวในช่วงครึ่งแรก
เวส บราวน์ ต้องมีสัญชาตญาณที่ดีเยี่ยมจริงๆ ในช่วงก่อนพักครึ่งเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ลิเวอร์พูล ขึ้นนำไปก่อน ปิศาจแดง เสียบอลให้กับซิสโซโก้ ที่เปิดบอลต่อเข้าไปในกรอบเขตโทษ ซิสเซ่ แตะบอลต่อไปให้กับปีเตอร์ เคร้าช์ ได้ยิง แต่ลูกยิงมุมแคบของเขาถูกบราวน์ พุ่งเข้ามาบล็อกด้วยขาซ้ายเอาไว้ได้ ก่อนที่จะหมดเวลาในครึ่งแรกไปโดยที่ยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น
ในช่วงพักครึ่งเวลา เซอร์ อเล็กซ์ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงทีม หลุยส์ ซาฮา ลงเล่นแทนที่ของจอห์น โอเชีย ดาวยิงชาวฝรั่งเศสลงเล่นเป็นกองหน้าคู่กับรุด ฟาน นิสเตลรอย โดยให้เฟล็ตเชอร์ ขยับเข้าไปอยู่ตรงกลาง และรูนี่ย์ เปลี่ยนไปเล่นทางปีกขวา
แต่กลายเป็นลิเวอร์พูล ที่ได้ครองบอลและได้บุกกดดันในช่วงต้นครึ่งหลัง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ทำได้ดีในการป้องกันไม่ให้ปีเตอร์ เคร้าช์ กองหน้าร่างโย่งของลิเวอร์พูล เข้าถึงลูกเปิดของเจอร์ราร์ด ในขณะที่นักเตะของเบนิเตซ ยังคงเดินหน้าบุกกดดันจากลูกตั้งเตะ
การบุกกดดันของลิเวอร์พูล เกือบจะทำให้พวกเขาขึ้นนำเมื่อเกมผ่านไปได้ 1 ชั่วโมง บอลไปแฉลบตัวเฟอร์ดินานด์ พุ่งผ่านฟาน เดอร์ ซาร์ จะเข้าประตู แต่เฟอร์ดินานด์ ยังไวตามมาเตะสกัดจากเส้นประตูออกไปได้ทันก่อนที่บอลจะข้ามเส้นไป แฮร์รี่ คีเวลล์ ตามมาเก็บบอลแล้ววอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้ายเข้าหามุมล่างของประตู แต่ฟาน เดอร์ ซาร์ พุ่งไปปัดเอาไว้ได้ บอลไปเข้าทางซิลเซ่ แต่เขากลับยิงโด่งออกหลังไปไกล
ทั้ง 2 ทีมมีความมุ่งหมายที่จะเอาชนะเกมนี้ให้ได้เพียงแต่ประตูยังไม่เกิดขึ้นเท่านั้น เบนิเตซ เปลี่ยนเอามอริเอนเตส และซินาม่า ปองโกลล์ ลงเล่นแทนที่ของเคร้าช์ และซิลเซ่ ที่เล่นไม่ออก ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเกมรุกได้บ้างแต่ยังไม่สามารถเจาะแผงกองหลังที่เหนียวแน่นของลิเวอร์พูล เข้าไปหาจังหวะยิงได้ถนัด โดยรวมแล้วลิเวอร์พูล ไม่เฉียบขาดในเกมรุก และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแผงกองกลางที่ด้อยกว่าทำให้สร้างสรรค์โอกาสให้กับรุด, รูนี่ย์ และซาฮา ไม่ได้มาก
แต่เมื่อเกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกกดดันได้มากขึ้น กิ๊กส์ กระชากลากเลื้อยขึ้นทางฝั่งขวาทำให้ซาบี อลอนโซ่ ต้องดึงข้างหลังเอาไว้จึงได้รับใบเหลืองไป แล้วรุด ก็ได้กลับตัวยิงหน้ากรอบเขตโทษแต่โฮเซ่ เรน่า ป้องกันเอาไว้ได้ หลังจากนั้น รูนี่ย์ กระชากบอลก่อนที่จะยิงไกลเต็มแรงระยะ 25 หลา บอลพุ่งเรียดเฉียดโคนเสาด้านขวาของเรน่า ออกไปนิดเดียว
การบุกกดดันในช่วงท้ายเกมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาสัมฤทธิ์ผลจนได้ในรูปแบบที่กระชากอารมณ์สุดๆ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ปาทริซ เอวร่า ถูกทำฟาวล์ได้ลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้าย กิ๊กส์ เป็นคนเปิดโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งทำประตูได้ในช่วงหลังกระโดดขึ้นเหนือคนอื่นในกรอบเขตโทษก่อนที่จะโหม่งเต็มหัวส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 3 ของเขาในฤดูกาลนี้ และเป็นประตูชัยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะลิเวอร์พูล ไปได้ 1-0
กองเชียร์ของปิศาจแดง ส่งเสียงเฮลั่นอย่างบ้าคลั่งทั้งสนาม และแฟนบอลทีมเยือนก็ต้องเศร้าใจไปตามๆ กัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บอีก 3 คะแนนเต็ม รั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงต่อไป โดยลงเล่นไปแล้ว 23 นัด มี 48 คะแนน ตามหลังเชลซี จ่าฝูงอยู่ 14 คะแนน (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6
ปาทริซ เอวร่า 3
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5 ( น. 90)
แกรี่ เนวิลล์ 2
จอห์น โอเชีย 22
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไรอัน กิ๊กส์ 11
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 ( น. 18)
เวย์น รูนีย์ 8 ( น. 88)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
เนมานย่า วิดิช 15
จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
หลุยส์ ซาฮา 9 น. 45 จอห์น โอเชีย 22
ลิเวอร์พูล
โฆเซ่ เรน่า 25
เจมี่ คาร์ราเกอร์ 23
สตีฟ ฟินแนน 3
ซามี่ ฮูเปีย 4
ซาบี้ อลอนโซ่ 14 ( น. 82)
สตีเว่น เจอร์ราร์ด 8 ( น. 90)
แฮร์รี่ คีเวลล์ 7
ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ 6
โมฮัมเม็ด ซิสโซโก้ 22 ( น. 18)
ฌิบริล ซิสเซ่ 9
ปีเตอร์ เคร้าช์ 15
สำรอง
เจอร์ซี่ ดูเด็ค 1
ฌิมี่ ตราโอเล่ 21
แยน ครอมแคมป์ 2 น. 89 โมฮัมเม็ด ซิสโซโก้ 22
เฟอร์นานโด้ มอริเอ็นเตส 19 น. 59 ปีเตอร์ เคร้าช์ 15
ซิเนมา ปองโกลล์ 24 น. 75 ฌิบริล ซิสเซ่ 9
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำประตู 1, ยิงตรงกรอบ 4, ยิงหลุดกรอบ 3, เตะมุม 1, ฟาวล์ 16, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 2, การครองบอล 43.6 %
ลิเวอร์พูล ทำประตูไม่ได้, ยิงตรงกรอบ 3, ยิงหลุดกรอบ 4, โดนบล็อค 4, เตะมุม 2, ฟาวล์ 17, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 3, การครองบอล 56.4 %
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, แกรี่ เนวิลล์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 9, เวส บราวน์ 7, ปาทริซ เอวร่า 7, จอห์น โอเชีย 6, ไรอัน กิ๊กส์ 8, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 7, คีแรน ริชาร์ดสัน 6, เวย์น รูนี่ย์ 8, รุด ฟาน นิสเตลรอย 7, หลุยส์ ซาฮา (สำรอง) 6
ลิเวอร์พูล โฆเซ่ เรน่า 6, สตีฟ ฟินแนน 7, ซามี่ ฮูเปีย 7, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 8, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ 6, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 8, ซาบี้ อลอนโซ่ 7, โมฮัมเม็ด ซิสโซโก้ 7, แฮร์รี่ คีเวลล์ 7, ปีเตอร์ เคร้าช์ 6, ฌิบริล ซิสเซ่ 5, แยน ครอมแคมป์ (สำรอง) 6, เฟอร์นานโด้ มอริเอ็นเตส (สำรอง) 6, ซิเนม่า ปองโกลล์ (สำรอง) 6
Por